JMART ทุ่ม 1,200 ล้านบาท ซื้อหุ้น “สุกี้ตี๋น้อย” 30% เสริมทัพธุรกิจอาหาร 10/11/2022 Stephen Roberts เว็บไซต์ thebangkokinsight รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) ได้มีมติอนุมัติให้เข้าลงทุน และลงนามในสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการเข้าลงทุนในบริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์ สุกี้ ตี๋น้อย จำนวน 352,941 หุ้น คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด ทั้งนี้ นับได้ว่าเป็นการซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 176,471 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 15% และซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ BNN จำนวน 176,470 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 15% มูลค่าลงทุนรวมไม่เกิน 1,200 ลบ. โดยดีลนี้คาดว่าเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/2565 ที่จะถึงนี้ สำหรับ BNN เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารประเภทสุกี้ ภายใต้แบรนด์ สุกี้ ตี๋น้อย ในปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 42 สาขาในประเทศ โดยมีแผนธุรกิจในการเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2564 ผลการดำเนินงานของ BNN มีรายได้รวมทั้งหมด 1,572 ลบ. กำไรสุทธิ 148 ลบ. อัตรากำไรสุทธิ 9.41% ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ในที่ 55.80% สะท้อนการเป็นบริษัทที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูง และมีโอกาสในการเติบโตอีกมากในอนาคต นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา CEO บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า การเข้าลงทุนในครั้งนี้ นับเป็นการเดินหน้าตามกลยุทธ์ Technology Investment Holding Company (T-IHC) ขณะที่กลุ่มบริษัทเจมาร์ทในฐานะที่มีความชำนาญทางด้านการค้าปลีก การเงิน และก็เทคโนโลยี จะช่วยให้พันธมิตรทางการค้า BNN มีการเติบโตในด้านผลการดำเนินงานให้ได้ตามเป้าหมาย พร้อมกับช่วยดันการขยายสาขาไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพ ทั้งในบริเวณกรุงเทพ และต่างจังหวัด รวมถึงแผนการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกเหนือจากนี้ บริษัทได้เล็งเห็นว่า ธุรกิจร้านอาหารของ BNN เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และมีโอกาสในการเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ภายหลังจากการเข้าทำธุรกรรม รวมถึง การต่อยอดพันธมิตรทางธุรกิจ และก่อให้เกิดการผนึกกำลัง Ecosystem ที่จะแข็งแรงขึ้นและมีพอร์ตธุรกิจกลุ่ม Food & Beverage เพิ่มเติม “หลังจากผสานความร่วมมือ นำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมทัพ จะสนับสนุนให้ BNN มีความพร้อมในการขยายสาขาได้อย่างก้าวกระโดด รวมทั้งการขยายธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ใหม่ และขยายสาขาในต่างจังหวัด และต่างประเทศ” ขณะที่ ยังเกิดเป็นความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ภายในกลุ่มบริษัท เช่น การโฆษณาผ่านสื่อช่องทางของบริษัท และการนำเอาเทคโนโลยีที่บริษัทมี ได้แก่ เทคโนโลยีทางด้าน CRM และ Promotion อันนำมาสู่การเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท สร้างโอกาสในการขยายธุรกิจประเภทค้าปลีกทั้งในกลุ่มอาหาร เทคโนโลยี และพลังงานทดแทน ในปัจจุบัน JMART คงมีการหาพันธมิตรในธุรกิจค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการต่อยอด Ecosystem สามารถผลักดันในอนาคตเติบโตแบบก้าวกระโดด ทะยานสู่เป้าหมายมูลค่ากิจการรวมกลุ่มบริษัทที่ 5 แสนล้านบาท ในปี 2567 ประวัติ Jaymart บริษัทก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2531 โดยนายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา และนางสาวยุวดี พงษ์อัชฌา บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ได้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกด้วยทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาทโดย ในตอนแรกขายเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบผ่อนชำระ ในเวลาต่อมา บริษัท ได้รุกเข้าไปสู่ตลาดค้าส่ง ด้วยผลิตภัณฑ์หลัก อย่างเช่น ทีวี, เครื่องเล่นวิดีโอ และเครื่องปรับอากาศ ในปี 2535 บริษัท ได้เริ่มดำเนินธุรกิจการค้าปลีกโทรศัพท์มือถือและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโดยการขยายร้านโทรศัพท์มือถือในห้างหลัก หลายๆแห่งในประเทศไทย ในปี 2537 บริษัท ได้เริ่มดำเนินธุรกิจติดตามหนี้ เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส ได้ก่อตั้งขึ้นมา เพื่อดำเนินการติดตามหนี้สำหรับสถาบันการเงินและผู้ประกอบการ ในปี 2542 บริษัท ได้ก่อตั้งธุรกิจให้เช่าพื้นที่ไอทีภายใต้แบรนด์ “IT Junction” ในปี 2552 บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือชื่อย่อหลักทรัพย์ “JMART” ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 75 ล้านหุ้นในราคา 1.80 บาท / หุ้นเพื่อเสนอขายหุ้น IPO มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (IPO) 540 ล้านบาททุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท (มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท / หุ้น) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัท มีทุนชำระแล้ว 906,612,007 หุ้นมูลค่าตลาด 19,074 ล้านบาท หรือ JMART เติบโตขึ้น 35 เท่าของมูลค่า บริษัท ในรอบ 11 ปีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบัน เจ มาร์ท ดำเนินธุรกิจบริษัทโฮลดิ้ง ที่ได้ลงทุนในบริษัทย่อยที่มีศักยภาพ 6 แห่งและ บริษัทร่วมทุน 1 แห่ง โดยมุ่งเน้นไปยังการเงินเพื่อการค้าปลีกและรายย่อย ด้วยความร่วมมือ (Synergy) และการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อผู้บริโภค จุดเริ่มต้น สุกี้ตี๋น้อย แบรนด์สุกี้ตี๋น้อย เริ่มต้นมาจากไอเดียการทำธุรกิจของ “คุณนัทธมน พิศาลกิจวนิช” ผู้บริหารสาวในวัยไม่ถึง 30 ซึ่งในครอบครัวของเธอเคย มีประสบการณ์การทำธุรกิจร้านอาหาร “เรือนปั้นหยา” มาแต่ก่อน แต่มี Pain Point ในเรื่องรักษาคุณภาพของรสชาติอาหารให้คงที่เมื่อต้องขยายสาขาเป็นจำนวนมาก เพราะว่าด้วยลักษณะธุรกิจที่ต้องทำอาหารเสิร์ฟแบบจานต่อจาน คุณนัทธมน จึงเริ่มต้นมองหาธุรกิจร้านอาหารที่สามารถควบคุมมาตรฐานรสชาติได้ง่าย ไม่ว่าลูกค้าจะไปใช้บริการที่สาขาไหนก็ตาม รสชาติอาหารก็เหมือนกัน ซึ่งร้านสุกี้ ชาบู สไตล์บุฟเฟ่ต์ สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดี จนกลายมาเป็นแบรนด์สุกี้ตี๋น้อยในปัจจุบัน สุกี้ตี๋น้อย มีสาขาในปัจจุบันทั้งหมด 42 สาขา บุฟเฟ่ต์ สุกี้ 219 บาท(ราคานี้ยังไม่รวมเครื่องดื่มเเละภาษีมูลค่าเพิ่ม7%) ซึ่งเป็นราคาที่จับต้องได้ของคนทุกกลุ่มทุกวัย สุกี้ตี๋น้อย 42 สาขา The Sense ปิ่นเกล้า มาบุญครอง The Paseo กาญจนาภิเษก ซีคอนบางเเค บิ๊กซีเพชรเกษม อนุสาวรีย์ชัย พหลโยธิน 19 รัตนาธิเบศร์ เพชรเกษม 69/1 เลียบทางด่วน แจ้งวัฒนะ ลาดพร้าววังหิน รัชดา18 สวนเพลินมาร์เก็ต ออนติวานนท์ เกษตร-นวมินทร์ รามอินทรา 23 ศรีนครินทร์ มาร์เก็ต (Supreme) ราชพฤกษ์ ปั๊มคาลเท็กซ์ บ้านบางเขน มีนบุรี ศรีนครินทร์-สมุทรปราการ เลียบด่วน2 (เซี่ยงไฮ้ ปิ้งย่าง) เจ้าคุณวิลล่า ลาดกระบัง 24/1 เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ พหลโยธิน-วัชรพล ตะวันนา บางกะปิ JC Mall นวมินทร์ ลำลูกกา คลอง 2 The Alley รามอินทรา กม.9 ธนบุรี The Fourth พุทธมณฑลสาย4 I’m Park The Jas Green Khubon โอโซนวัน – สรงประภา Mingle Mall รังสิต สายไหมอเวนิว Rain Forest ถนนกิ่งแก้ว โลตัส คลอง4 Porto Chino Jas Urban ศรีนครินทร์